น้ำตกเมอริเชียส ที่ตั้งอยู่ใต้ทะเล ณ หุบเหวลึกกว่า 4,000 เมตร


ที่ทุกคนเห็นราวกับเป็นน้ำตกใต้ทะเลนั้น แท้จริงเป็นตะกอนทรายที่ถูกกระแสน้ำพัดไหลลงสู่หุบเหวลึกใต้ทะเลต่างหาก มีชื่อเรียกว่า “น้ำตกมอริเชียส” (Mauritius Underwater Waterfall) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ ประเทศมอริเชียส ณ คาบสมุทรเลอเมอร์น ในมหาสมุทรอินเดีย

โดยเกาะแห่งนี้เกิดขึ้นเมื่อ 8 ล้านปีก่อน จากการระเบิดของภูเขาไฟใต้ทะเลและด้วยแรงระเบิดจึงทำให้แผ่นทวีปยกตัวสูงขึ้นเกิดเป็นไหล่ทวีป (Continental Shelf) กลายเป็นเหวลึกอย่างที่เห็น ซึ่งมันมีความลึกถึง 4,000 เมตร จะสามารถมองเห็นได้จากภาพมุมสูงเท่านั้น ซึ่งแม้บางคนอาจจะมองว่าสถานที่แห่งนี้ดูพิศวง แต่ความจริงคือมันไม่ได้มีอันตรายใด ๆ แถมยังเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี และเป็นอีก 1 จุดหมายปลายทางของนักดำน้ำลึกทั่วโลกอีกด้วย

คำถาม : แล้วน้ำตกที่เป็นน้ำตกจริง ๆ สามารถเกิดขึ้นใต้น้ำได้ไหม ? ตอบ : มันเกิดขึ้นได้จริง ๆ ตัวอย่างเช่น น้ำตกในช่องแคบเดนมาร์ก ที่ตั้งอยู่ระหว่างเกาะกรีนแลนด์กับไอซ์แลนด์ มีความกว้าง 160 กิโลเมตร ลึก 3,505 เมตร มีประมาณน้ำกว่า 5 ล้านลูกบาศก์เมตรที่ไหลลงสู่เหวลึกใต้มหาสมุทรทุก ๆ 1 วินาที เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ลึกลงไปใต้ผิวน้ำกว่า 1,000 เมตร ทำให้ไม่สามารถมองจากมุมสูงได้

โดยสาเหตุการเกิดน้ำตกใต้น้ำได้เกิดจาก : น้ำทะเล 2 ชั้นที่มีความหนาแน่นไม่เท่ากัน โดยน้ำอุ่นที่ระดับความลึก 0-1,000 เมตร เป็นจุดที่แสงอาทิตย์ส่องถึง จะมีคความหนาแน่นต่ำ+มวลน้อย จึงลอยตัวสูง ส่วนน้ำที่ระดับความลึก 1,000 เมตรขึ้นไป จะมีความหนาแน่นสูง+มีมวลมาก ทำให้มักจมลงสู่ที่ต่ำ เมื่อความต่างนี้เจอกับร่องลึกของเหวใต้มหาสมุทรจึงเกิดเป็นน้ำตกใต้ทะเลนั่นเอง ปรากฎการณ์แบบนี้เรียกว่า “เทอร์โมไคลน์” (Thermocline)

สุดท้าย ย้อนไปดูประวัติศาสตร์ของเกาะมอริเชียสนี้กันอีกสักนิด มันถูกพบครั้งแรกในปี ค.ศ.975 โดยชาวอาหรับ ต่อมาถูกชาวโปรตุเกสเข้ายึดครองในปี ค.ศ.1507-1513ก่อนจะได้รับเอกราชในปี ค.ศ.1968 และกลายเป็นสาธารณรัฐในปี 1992 ซึ่งก่อนจะได้รับเอกราช (ในช่วงศตวรรษที่ 18 ถึงต้นศตวรรษที่ 19) ชนเผ่ามารูนส์ ถูกประเทศล่าอาณานิคมอย่างอังกฤษและฝรั่งเศสจับขายเป็นทาสมากมาย ซึ่งสถานที่ที่ช่วยพวกเขาไว้ คือ “ภูเขาเลอมอร์น” ภูเขาที่ตั้งสูงตระหง่านใกล้กับน้ำตกใต้ทะเลมอริเชียส ซึ่งมีเพียงชนพื้นเมืองเท่านั้นที่สามารถปีนขึ้นไปถึงยอดเขานี้ได้ ทำให้พวกนักค้าทาสไม่สามารถขึ้นไปจับพวกเขาได้

นอกจากนี้ เกาะมอริเชียสยังเคยเป็นที่อยู่อาศัยของนกโดโด (Raphus Cucullatus) นกสายพันธุ์โบราณขนาดใหญ่และบินไม่ได้ (สูง 1 เมตร หนักสูงสุด 17 กิโลกรัม) ที่วิวัฒนาการขึ้นมาบนโลกพร้อม ๆ กับเกาะแห่งนี้ (8 ล้านปีก่อน) ถูกพบครั้งแรกในปี ค.ศ.1598 โดยกาลาสีเรือชาวดัตช์ นับแต่นั้นมาพวกมันก็ถูกล่าอย่างหนัก จนกระทั่งในปี ค.ศ.1660 ที่มีการายงานพบนกโดโดเป็นครั้งสุดท้ายและมันก็สูญพันธุ์ไปตลอดกาล

Fact – รู้จักกับ “น้ำตกไฟหางม้า” (Horsetail Firefall) ณ อุทยานโยเซมิตี ประเทศอเมริกา เป็นน้ำตกที่ลงมาจากหน้าผาด้วยความสูง 480 เมตร สาเหตุที่เห็นเป็นน้ำตกไฟเพราะแสงแดดก่อนพระอาทิตย์ตกส่องกระทบน้ำตกจนเห็นเป็นสีส้มอร่ามราวกับน้ำตกไฟยังไงยังงั้น

Post a Comment

[blogger]

MKRdezign

Contact Form

Name

Email *

Message *

Powered by Blogger.
Javascript DisablePlease Enable Javascript To See All Widget