“เซอร์โร-ลิโก้” ภูเขากินคน ที่เขมือบชีวิตไปแล้วกว่า 8 ล้านคน


ใกล้กับเมืองโปโตซี ณ ที่ราบสูงทางตอนใต้ ประเทศโบลิเวีย คือที่ตั้งของภูเขา ”เซอร์โร ลิโก้” (Cerro Rico) อดีตเคยเป็นเหมืองแร่เงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก สามารถสร้างรายได้มหาศาลให้กับอาณาจักรสเปนมายาวนานกว่า 400 ปี จนกลายเป็น 1 ในเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ แต่ภายใต้ความมั่งคั่งนี้กลับต้องแลกมาด้วย “ชีวิต” ของคนงานเหมืองกว่า 8 ล้านคนที่เสียชีวิตในภูเขาแห่งนี้ จนได้ฉายาว่า “ภูเขากินคน” (The Mountain Eats Men)

ย้อนไปในศตวรรษที่ 16 ในยุคการล่าอาณานิคมชาวสเปนได้เข้ายึดครองโบลิเวียและภูมิภาคแห่งนี้ โดยบังคับชนพื้นเมืองให้ทำงานขุดเหมืองจากภูเขาเซอร์โรลิโก้อย่างโหดร้าย ทุกคนจะต้องทำงานต่อเนื่องวันละ 10 ชั่วโมง แบบไม่พักเพื่อแลกกับอาหารและน้ำให้ครอบครัว มีคนงานจำนวนมากที่เสียชีวิตคาเหมืองเพราะความหิวโหยและงานที่หนักเกินไป ทำให้มีผู้หญิงไม่น้อยต้องกลายเป็นม่ายเพราะสามีเสียชีวิตระหว่างทำงาน

นอกจากงานที่หนัก คนงานเหมืองยังต้องเผชิญกับความอันตรายจากโรคซิลิโคซิส เป็นโรคปอดที่เกิดจากการหายใจเอาฝุ่นเข้าไปทุกวัน เพราะพวกเขาไม่มีอุปกรณ์ป้องกันฝุ่นใด ๆ มีเพียงผ้าบาง ๆ ที่ใช้ปิดปากและเคี้ยวใบโคคาเพื่อกรองฝุ่นเท่านั้น ซึ่งเต็มไปด้วยสารอันตรายเช่น ตะกั่ว สังกะสี และโดยเฉลี่ยคนงานในเหมืองแห่งนี้เฉลี่ยจะเสียชีวิตในวัยเพียง 40 ปีเท่านั้น เรียกได้ว่าอายุสั้นกว่าค่าเฉลี่ยของคนทั่วไปถึง 40 ปีเลยทีเดียว (มนุษย์ส่วนใหญ่จะเสียชีวิตในวัย 80 ปี)

ไม่เพียงเท่านี้ ภูเขาเซอร์โรลิโก้นั้นเต็มไปด้วยเหมืองมากกว่า 600 แห่ง พูดให้เห็นภาพคือมันคล้ายกับก้อนชีสที่มีรูพรุนยังไงยังงั้น นั่นหมายความว่ามันมีความเสี่ยงที่อุโมงค์เหมืองจะถล่มลงมาเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะในอดีตมันเคยถล่มลงมาแล้ว 1 ครั้ง ส่งผลให้คนงานเสียชีวิตนับร้อยคนเลยทีเดียว

และแม้จะอันตรายแต่พวกเขาไม่กลัวที่จะทำงาน ณ พื้นที่เสี่ยงแห่งนี้ เพราะเชื่อว่า “เอล ติโอ” (El Tio) ปีศาจที่ปกครองภูเขาลูกนี้จะช่วยคุ้มครองคนงานในเหมืองทุกคน ซึ่งพวกเขาจะบูชาด้วยใบโคคา เหล้า และบุหรี่ แต่อย่างไรก็ตามในแต่ละเดือนจะมีคนเสียชีวิตอย่างมากสุด 14 คน นับว่าเป็นจำนวนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ปัจจุบันยังคงมีคนงานอีกกว่า 16,000 คน ที่ยังทำงานอยู่ที่ภูเขาแห่งนี้โดยไม่มีทางเลือก ในอดีตคนงานทุกคนล้วนเป็นผู้ชายแต่ทุกวันนี้ก็มีแรงงานผู้หญิงมาทำบ้าง มีตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ โดยเด็กที่เป็นคนงานที่นี่จะทำงานในกะตี 2 ถึง 7 โมงเช้า เพื่อไปโรงเรียนตอน 8 โมง ซึ่งส่วนใหญ่เด็กที่มาทำงานที่นี่เป็นเพราะพ่อเสียชีวิตพวกเขาเลยต้องมาทำงานแทน แต่งานจะไม่หนักเหมือนในอดีตเมื่อหลายร้อยปีก่อน เพราะมีกฎหมายคุ้มครองแรงงานและมีสวัสดิการที่ช่วยเหลือแรงงานเหล่านี้

Fact – ในปี 2020 นักวิจัยจากจีนและเนปาลร่วมกันศึกษาความสูงของยอดเขาเอเวอเรสต์ในเทือกเขาหิมาลัย พบว่ามันมีความสูงเพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยวัดได้ 0.86 เมตร นั่นทำให้ปัจจุบันยอดเขาเอเวอเรสต์มีความสูงใหม่อยู่ที่ 8,848.86 เมตร ซึ่งความสูงที่เพิ่มขึ้นนี้คาดว่ามาจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปี 2015

Post a Comment

[blogger]

MKRdezign

Contact Form

Name

Email *

Message *

Powered by Blogger.
Javascript DisablePlease Enable Javascript To See All Widget