“ลูกค่าง” ตัวใหม่ชื่อเล่น “ล้ำค่า” ลืมตาดูโลก

นี่คือภาพของ “ลูกค่างหัวมงกุฏ” (Francois langur) ที่เพิ่งลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2020 ซึ่งทางสวนสัตว์ Philly Zoo ฟิลาเดลเฟีย สหรัฐฯ ตั้งชื่อให้มันว่า “Qwee-bow” ซึ่งแปลว่า “ล้ำค่า” ในภาษาเวียดนาม (เนื่องจากค่างชนิดนี้พบได้ที่ ลาว จีน และเวียดนามเท่านั้น)

โดยความสำเร็จในครั้งนี้ ทางสวนสัตว์ใช้ความพยายามนานกว่า 3 ปี เพื่อต้องการเพิ่มประชากรของค่างหัวมงกุฎ เนื่องจากจำนวนของพวกมันทั้งในสวนสัตว์และถิ่นอาศัยตั้งต้นลดลงอย่างน่าใจหาย IUCN ระบุว่า ไม่สามารถยืนยันตัวเลขที่แน่ชัดของค่างหัวมงกุฎได้ แต่คาดว่าเหลือไม่ถึง 1,900 ตัว และตอนนี้ได้จัดให้ค่างชนิดนี้อยู่ในบัญชีสัตว์ใกล้สูญพันธุ์เรียบร้อยแล้ว

ข้อมูลพื้นฐาน : ชื่อวิทยาศาสตร์ Trachypithecus francoisi ความยาวลำตัว 57 เซนติเมตร ความยาวหาง 85 เซนติเมตร และหนักประมาณ 5.66 กิโลกรัม ตั้งท้องนาน 6-7 เดือน (ออกลูกครั้งละ 1 ตัว) อายุขัยประมาณ 20 ปี

โดยลูกที่เพิ่งเกิดใหม่จะมีขนสีเหลืองอมส้ม ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นสีเทาเมื่ออายุ 3-6 เดือน มักอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ 7-30 ตัว โดยมีจ่าฝูงคอยระวังภัย เนื่องจากลูกค่างวัยเด็กส่วนมากมักถูกล่านำไปขาย เพราะสีขนและหน้าตาที่น่ารักมากนั่นเอง

อีกทั้งยังมีเรื่องความงมงายเป็นสาเหตุสำคัญ เพราะเชื่อกันว่า เลือดและอวัยวะหลายส่วนของค่างเป็นยาบำรุงกำลังชั้นเลิศ โดยจะใช้ละลายดื่มกับสุรา และคนจีนก็มีความเชื่อว่า นิ่วของค่างสามารถปรุงเป็นยาได้ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

ค่างเป็นสัตว์จำพวกลิงชนิดหนึ่งใน 3 ชนิด คือ 1.ค่าง 2.ชะนี 3.ลิง ทั้งนี้ บนโลกมีค่างทั้งหมด 58 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดจะมีลักษณะภายนอกแตกต่างกัน (แถมยังมีค่างหนุมานด้วยนะ ชื่อเท่สุด ๆ ไว้เดี๋ยวเล่าในบทความหน้าเนาะ)

Fact – ค่างแตกต่างจากลิงอย่างไร ? ค่างจะมีหุ่นที่เพรียว-น้ำหนักตัวเบา-แขนและหางที่ยาวกว่าลิง เพราะพวกมันมักอาศัยอยู่บนต้นไม้ ซึ่งลักษณะร่างกายแบบนี้จะทำให้ปีนต้นไม้ได้คล่องแคล่วกว่า รวมถึงกระเพาะของค่างจะย่อยได้เพียงพืชเท่านั้น ทำให้พวกมันกินง่ายอยู่ง่ายกว่าลิงหลายชนิดที่ต้องอาศัยอยู่บนพื้นดินเท่านั้น ในประเทศไทยมีค่างทั้งหมด 4 ชนิด คือ ค่างแว่นถิ่นเหนือ ค่างแว่นถิ่นใต้ ค่างหงอก และค่างดำมลายู