เกิดเหตุระเบิดแท่นขุดเจาะน้ำมัน (Deepwater Harizon)


เมื่อปี 2010 เกิดเหตุระเบิดแท่นขุดเจาะน้ำมัน “Deepwater Harizon” ที่ตั้งอยู่กลางอ่าวเม็กซิโก ส่งผลให้น้ำมันกว่า 130 ล้านแกลลอนรั่วไหลลงสู่มหาสมุทร ปริมาณขนาดนี้เทียบเท่ากับสระว่ายน้ำกีฬาโอลิมปิกรวมกัน 300 สระเลยทีเดียว ซึ่งคราบน้ำมันได้กระจายพื้นที่กว้างถึง 176,100 ตารางกิโลเมตร นับว่าเป็นการรั่วไหลของน้ำมันครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

โดยผู้ที่ได้รับผลกระทบเต็ม ๆ คงหนีไม่พ้น “BP” บริษัทพลังงาน จากประเทศอังกฤษ ที่เป็นเจ้าของแท่นขุดเจาะน้ำมันแห่งนี้ ซึ่งต้องสูญเสียเงินกว่า 2 ล้านล้านบาท ในการจ่ายค่าปรับและค่ากำจัดคราบน้ำมันบนผิวน้ำทะเล อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีเพียงแต่บริษัท BP เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่ระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในอ่าวเม็กซิโกเองก็ได้รับผลกระทบที่เลวร้ายไม่แพ้กัน จากการสำรวจพบว่า มีสัตว์น้ำมากกว่า 900,000 ตัวที่ต้องเสียชีวิตไปจากเหตุการณ์นี้

ทั้งนี้ เป็นเวลากว่า 10 ปีที่เจ้าหน้าที่และบริษัทพยายามทำความสะอาดคราบน้ำมันบนผิวน้ำ แต่ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ถูกเผิกเฉย นั่นก็คือ “สิ่งมีชีวิตใต้ทะเล” ที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือแต่อย่างใด โดยในปี 2017 ทีมนักสำรวจจากมหาวิทยาลัยหลุยเซียนา ได้ลงไปสำรวจใต้ก้นทะเล ณ จุดบริเวณนั้น พบว่า – สิ่งมีชีวิตใต้นั้นกำลังเกิด “การกลายพันธุ์” (Mutant) จากการดูดซับสารพิษจำนวนมหาศาลที่ปล่อยออกมาจากน้ำมันได้อย่างน่าทึ่ง

คลิฟตัน นันนอลลี หนึ่งในทีมนักสำรวจจากมหาวิทยาลัยหลุยเซียนา ระบุว่า “ที่ใต้ก้นทะเลลึกลงไป 1.8 กิโลเมตร พบปูก้ามแดง กุ้งก้ามแดง และกุ้งคาริเดียน ที่อาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนั้น เนื่องจากสารพิษที่ปล่อยออกมามีความคล้ายคลึงกับสารที่พบในแพลงตอนที่เป็นแหล่งอาหารตามธรรมชาติของพวกมัน ซึ่งสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้คือ พวกมันกลายพันธุ์ให้สามารถดูดซับสารพิษเหล่านี้ได้โดยไม่ตาย แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความพิการ เช่น ปูบางตัวมีขาไม่ครบ 8 ขา ก้ามใหญ่โตผิดปกติ ร่างกายขยายใหญ่ขึ้น เกิดเนื้องอกตามร่างกาย เป็นต้น”

นักวิจัยกล่าวเพิ่มเติมว่า “แม้ปัจจุบันคราบน้ำมันบนผิวน้ำจะถูกกำจัดไปได้เกือบหมดแล้วก็จริง แต่ที่ใต้ก้นทะเลยังมีน้ำมันอีกกว่า 10 ล้านแกลลอนที่ยังตกค้างอยู่” แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้ยังไม่มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าพอจะสามารถกำจัดคราบน้ำมันจากใต้ก้นมหาสมุทรได้ สิ่งเดียวที่พอจะทำได้คือรอให้ธรรมชาติฟื้นฟูตัวเอง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 50 ปีหรือนานกว่านั้น

Post a Comment

[blogger]

MKRdezign

Contact Form

Name

Email *

Message *

Powered by Blogger.
Javascript DisablePlease Enable Javascript To See All Widget